หน้าแรก IT ข่าว/บทความไอที

Pitch Planner ตัวช่วยคนพูดไม่เก่งให้พรีเซนต์งานได้

วันที่เวลาโพส 03 กุมภาพันธ์ 60 16:18 น.
อ่านแล้ว 0
ทีมงาน AdmissionPremium
UploadImage
            ทุกๆวันมีคน 30 ล้านคนพรีเซนต์งาน แต่กว่า 50% เป็นพรีเซนต์น่าเบื่อ และขาดความพร้อม ทั้งๆที่ทักษะการนำเสนอ หรือการพรีเซนต์งานนั้น เป็นทักษะที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะใช้ในการเรียน หรือการทำงาน ในยุคนี้ที่นักลงทุนต่างกำลังมองหา startup เพื่อช่วยสนับสนุนสานฝันให้ไปถึงดวงดาว มีคนจำนวนมากเดินเข้าสู่สนามประลองของการ pitching และคว้าน้ำเหลวกลับไป ถึงแม้งานจะน่าสนใจ แต่หากเราไม่สามารถเล่าเรื่องที่เราทำให้ผู้คนฟังได้อย่างตรงประเด็น โอกาสที่คนจะสนใจและช่วยเหลือก็อาจจะหลุดลอยไป วันนี้เราเลยหยิบเครื่องมือชื่อว่า Pitch Planner  ที่จะช่วยให้คนพูดไม่เก่งลุกขึ้นมาพรีเซนต์งานได้อย่างลื่นไหลและเป็นระบบมากขึ้น 
 
ความไม่พร้อมในการนำเสนอที่ว่านั้น มีด้วยกันหลายรูปแบบ ที่ทำให้การนำเสนอของเรานั้นไม่น่าประทับใจ เช่น

1. ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง คนชอบฟังเรื่องเล่าที่มีเส้นเรื่อง มีชีวิตชีวา ไม่ใช่บทท่องจำน้ำเสียงราบเรียบ ที่คนพูดต้องก้มอ่านโน้ตทุกๆ 10 วินาที เพราะความกังวลว่าการพรีเซนต์จะไม่ perfect จนลืมไปว่าท่าทาง น้ำเสียงของเรานั้น ส่งผลต่อผู้ฟังมากกว่าเนื้อหาเสียอีก

2. อัดข้อมูลแน่น  อาการรักพี่เสียดายน้อง อยากใส่ข้อมูลทุกอย่าง ปริมาณแน่น แต่ลืมคิดถึงคุณภาพไป ลองเปลี่ยนมาใช้กฎนับ 3 คือ หัวข้อหลักมี 3 ข้อ หัวข้อย่อยมี 3  ข้อ สรุปมี 3 ข้อ

3. เข้าใจคนฟังไม่มากพอ คนส่วนมากไม่ชอบทำการบ้าน ไม่ค้นหาข้อมูลคนฟัง ต้องท่องไว้ว่าพรีเซนต์งานก็เหมือนจีบสาว ถ้าไม่รู้ว่าเขาชอบฟังอะไร จะหยอดคำหวานตรงความต้องการได้ยังไงกัน สละเวลาก่อนปั่นพรีเซนต์ หาข้อมูลคนฟังให้ครบถ้วน

Pitch Planner ตัวช่วยร่างสคริปท์สำหรับการพรีเซนต์ แบ่งตารางการพรีเซนต์เป็น 3 ช่อง 4 หัวข้อหลัก


UploadImage

ด้านซ้ายมือสุด เน้นทำความเข้าใจผู้ฟัง
 
ก่อนจะเริ่มต้นลงมือทำสไลด์พรีเซนต์ ต้องรู้จักคนฟังกันก่อนว่าคนฟังคือใคร มี background ยังไง ค้นหาความต้องการของคนฟัง สิ่งที่เขาชอบ-ไม่ชอบ จะได้คัดสรรเฉพาะเนื้อหาที่คนฟังอยากได้ยิน

1. Them ทำความเข้าใจผู้ฟังว่าเขาคือใครกันแน่

​​2. Their Need ค้นหาความต้องการของผู้ฟัง

3. Their objective วัตถุประสงค์ของผู้ฟัง คาดเดาความมุ่งหมายของผู้ฟังให้ออก

4. Their reservation ข้อจำกัดของผู้ฟังมีอะไรบ้าง หลีกเลี่ยงไม่พูดประเด็นอ่อนไหว

ตรงกลาง เข้าใจบริบทและเนื้อหา

วิเคราะห์ดูว่าสถานการณ์รอบๆ เป็นอย่างไรบ้าง หัวข้อที่จะพูดมีเรื่องไหนควรเน้น เรื่องไหนควรตัด

1. Context สถานการณ์ปัจจุบัน เงื่อนไข บริบทแวดล้อม วิเคราะห์กันดูว่า เวทีที่ขึ้นพรีเซนต์เป็นการคุยกันแบบตัวต่อตัวเพื่อเสนอขายสินค้า แข่งขันประกวดแผนธุรกิจ หรือ พรีเซนต์งานในห้องประชุม แต่ละสถานการณ์ควรมีเนื้อหา และวิธีการที่แตกต่างกันออกไป

2. Content เนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญ ลิสต์เนื้อหาหลักๆ ที่ลืมพูดไม่ได้

ด้านซ้าย ทำความเข้าใจตัวเอง

เช็คความพร้อมของตัวเองและทีมกันก่อน บางทีข้อมูลในหัวเราเยอะ ไม่รู้จะเลือกเนื้อหาส่วนไหนมาพูดดี นั่งทบทวนดูว่าจุดมุ่งหมายของการพูดครั้งนี้คืออะไร เราต้องการอะไรจากการพูดครั้งนี้บ้าง จะได้คัดสรรเนื้อหาตอบโจทย์ตัวเอง

1. You อย่าลืมแนะนำตัวเองและทีมเด็ดขาด ประสบการณ์ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ความสนใจ แรงบันดาลใจ หลายครั้งนักลงทุนเลือกลงทุนเพราะความพร้อมของทีม

2. ​Your key message ใจความสำคัญ ข้อความฮุคของเรา ลองคิดประโยคสวยๆที่จับใจคนฟัง เพลงจะฮิตหรือจะแป้กขึ้นอยู่กับท่อนฮุค พรีเซนต์ก็เหมือนกัน

3. Your objective จุดมุ่งหมายของการพรีเซนต์คืออะไร อย่าลืมตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง

4. Call to action พูดมายืดยาว หลายคนตกม้าตายลืมบอกว่าต้องการอะไรจากผู้ฟัง เราควรบอกความต้องการของเราแบบชัดเจนไปเลยไม่ต้องอ้อมค้อม เพราะนี่คือสิ่งที่คนรอฟัง ว่าเราต้องการระดมทุนเท่าไหร่แลกกับหุ้นเท่าไหร่ อยากของบประมาณเท่าไหร่ ต้องการอาสาสมัครกี่คน
 

 
เรามาดูตัวอย่างการพรีเซ็นต์ของ Steve Jobs กัน
 
 

 

ที่มา schoolofchangemakers
 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ

หมวด