แพทย์ศาสตร์ สาขาการแพทย์แผนจีน

ในที่ยุคสมัยของโลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงนั้นการดำรงชีวิตอยู่ของประชากรบนโลกนั้นก็ย่อมเปลี่ยนตามไป สิ่งที่เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังตั้งเป้าหมายในชีวิตในอนาคตนั้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง น้องๆ จะต้องคิดว่าจะเรียนอะไรเพื่อจบมาจะได้มีรายได้ที่สูงและมีงานทำที่ยั่งยืนต่อไปในวันข้างหน้า เมื่อเทรนด์ของโลกเปลี่ยน เทรนด์งานในอนาคตก็จะเปลี่ยนแปลงตาม ดังนั้นเทรนด์การเรียนก็จะเปลี่ยนไป แล้วเรียนอะไรดีล่ะ? ถึงจะตามคนอื่นเขาทัน ดังนั้นวันนี้พี่จะพาน้องๆ ไปรู้จักสาขาหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและโอกาสที่จบมามีงานทำและรายได้สูงเลยทีเดียว นั่นก็คือ สาขาการแพทย์แผนจีน ซึ่งมีไม่กี่มหาวิทยาลัยที่เปิดทำงานเรียนการสอน

สาขาการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยพะเยา นั้นได้เปิดสอนหลักสูตรการแพทย์แผนจีนเป็นหลักสูตรคู่ขนาน เรียนครั้งเดียวได้ปริญญา 2 ใบก็คือ ปริญญาการแพทย์แผนจีนบัณฑิต และ ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาจีน) ในการเรียนนั้นเป็นการเรียนภาษาที่ใช้สอนก็จะเป็นภาษาไทยและภาษาจีน ในปีแรกน้องๆ จะต้องไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ไห่หนาน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ พอปี 2 ก็กลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัย โดยจะได้เรียนวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เหมือนกับตอนมัธยมกับวิชาจิตวิทยาทางการแพทย์ ในปี 3 จะเป็นวิชาที่เจาะลึกลงไปในวิชาชีพกัน อย่างวิชา พื้นฐานศาสตร์การแพทย์แผนจีน, จุลชีววิทยาและปรสิตวิทยา, กายวิภาคศาสตร์, พื้นฐานสรีรวิทยา, อายุรกรรมทางการแพทย์แผนปัจจุบัน, พยาธิวิทยา, แพทย์แผนจีนกับระบบสุขภาพไทย, การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์แผนจีน, เภสัชวิทยาเบื้องต้น

จากนั้นเมื่อขึ้นปี 4 ก็จะได้เริ่มเรียนทฤษฎีคู่กับการปฏิบัติกันบ้าง เช่นวิชาฝังเข็มและการรมยา, ตำรับยาจีน, ทุยหนา รวมถึงกฎหมายและจรรยาบรรณ, วิทยาภูมิคุ้มกัน, เภสัชวิทยาจีน  และสำหรับการเรียนปี 5 ปีสุดท้ายก่อนไปฝึกงานนั้นวิชาก็จะยากขึ้นเรื่อย อย่างวิชากุมารเวชศาสตร์ทางการแพทย์แผนจีน, คัมภีร์โบราณทางการแพทย์แผนจีน, โรคกระดูกทางการแพทย์แผนจีน, อายุรกรรมแพทย์จีน, จักษุทางการแพทย์แผนจีน, โรค หู คอ จมูกทางการแพทย์แผนจีน, สูตินรีเวชทางการแพทย์แผนจีน, อายุรกรรมภายนอกทางการแพทย์แผนจีน สุดท้ายในปี 6 น้องๆ ก็ต้องไปประเทศจีนอีกครั้งเพื่อฝึกงานทางคลินิคซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกวางซี และมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกวางโจว ประเทศจีนเป็นเวลา 1 ปี

เมื่อจบจากที่นี่ไปจะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์แผนจีนและภาษาจีนอย่างลึกซึ้ง นอกจากความรู้แล้วน้องๆ ยังจะได้ประสบการณ์โดยตรงในการเรียนภาษาจีนและการฝึกงานในประเทศจีน ได้เปิดโลกกว้าง ได้ประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ อีกด้วย
 

1. บัณฑิตที่จบการศึกษาหลักสูตรการแพทยแผนจีนจะไดรับปริญญาตรี 2 ปริญญา คือการแพทยแผนจีนบัณฑิตและศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาจีน)
2. มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ด้านการจัดการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยพะเยากับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่
- ความร่วมมือทางวิชาการด้านความร่วมมือการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนกับมหาวิทยาลัยครุศาสตรไห่หนาน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- ด้านความร่วมมือการจัดการเรียนการสอนการแพทย์แผนจีนและฝึกงานทางคลินิกกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกวางซี และมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกวางโจว ซึ่งระยะเวลาในการศึกษาและฝึกงานทางคลินิกนิสิตต้องศึกษาในมหาวิทยาลัย ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ปี

1. แพทย์แผนจีน
2. อาจารย์ในมหาวิทยาลัย
3. นักวิจัย
4. ประกอบธุรกิจทางด้านการแพทย์แผนจีน
5. นักวิชาการสาธารณสุข
6. นักวิชาการทั่วไป
ฯลฯ

ระบบรับตรง โครงการรับนิสิตหลักสูตรแพทย์แผนจีนบัณฑิต
- สำเร็จการศึกษาชั้นม.6 แผนการเรียนวิทย์-คณิต
- ไม่มีความผิดปกติทางด้านร่างกาย
- ผ่านการสอบสัมภาษณ์ของทางมหาวิทยาลัย
- สมัครผ่านทางเว็ปไซต์ www.admission.up.ac.th

ระบบรับตรง โครงการ 10%
- กำลังศึกษาชั้นม.6 แผนการเรียนวิทย์-คณิต
- ยื่นผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GAPX) 4 เทอม
- ไม่มีความผิดปกติทางด้านร่างกาย
- ผ่านการสอบสัมภาษร์ของทางมหาวิทยาลัย
- สมัครผ่านคุณครูแนะแนวผู้รับผิดชอบของโรงเรียน

ระบบรับตรง โครงการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา
- กำลังศึกษาชั้นม.6 แผนการเรียนวิทย์-คณิต
- มีการเรียนเฉลี่ยสะสม (GAPX) ไม่ต่ำกว่า 3.00
- ไม่มีความผิดปกติทางด้านร่างกาย
- ผ่านการสอบสัมภาษร์ของทางมหาวิทยาลัย
- สมัครผ่านทางเว็ปไซต์ www.admission.up.ac.th

ระบบรับตรงทั่วประเทศ
- กำลังศึกษาชั้นม.6 แผนการเรียนวิทย์-คณิต
- มีการเรียนเฉลี่ยสะสม (GAPX) และผลการสอบวิชา GAT และ PAT2 (วิทยาศาสตร์) ในการยื่นสมัครสอบ
- ไม่มีความผิดปกติทางด้านร่างกาย
- ผ่านการสอบสัมภาษร์ของทางมหาวิทยาลัย
- สมัครผ่านทางเว็ปไซต์ www.admission.up.ac.th

840, 000 บาท

70, 000 บาท/เทอม
*หมายเหตุ เฉพาะในปีการศึกษาแรกและปีการศึกษาสุดท้าย จะเก็บเป็นรายปี จำนวน 140, 000 บาท เนื่องจากต้องไปศึกษาที่ประเทศจีน